วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

ดอกกาฬพฤกษ์


ดอกกาฬพฤกษ์
เป็นต้นไม้ผลิดใบสูงประมาณ 20 เมตร โคนต้นมีพูพอน เรือนยอดเป็นพุ่มกลม เปลือกสีดำแตกเป็นร่องลึก ใบเป็นประเภทใบประกอบ จำนวน 10-20 คู่ ใบออ่นจะออกสีแดง ผิวใบเกลี้ยงเป็นมัน หลังใบมีขนนุ่ม โคนและปลายใบมนกลม ออกดอกเป็นช่อตามกิ่งข้าง ช่อหนึ่งมีประมาณ 20 ดอก ดอกมีขนาดเล็ก กลีบรองดอกกลมมีขน ขณะที่ดอกบานกลีบจะกระดกกลับ กลีบดอกรูปไข่ เมื่อดอกบานใหม่ ๆ จะเป็นสีแดง จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูและสีส้ม เกสรตัวผู้มี 10 อัน ขนาดไม่เท่ากัน ฝักแข็ง กลม ผิวขรุขระสีดำ ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร กว้างประมาณ 3 เซนติเมตร มีเมล็ดอยู่ประมาณ 30 เมล็ด ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

ขอบคุณข้อมูลจาก www.tourdoi.com

ดอกพวงชมพู


ดอกพวงชมพู

เป็นไม้เถาเลื้อยพันโดยอาศัยมือเกาะ ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวเรียงสลับกัน มีสัณฐานรูปไข่ หรือรูป สามเหลี่ยมปลายแหลม โคนใบเป็นรูปหัวใจ ขอบใบเรียบเส้นใบเห็นได้ชัด ออกดอกเป็นช่อที่ปลายยอดหรือตามง่ามใบ ดอกมี 5 กลีบ สีชมพู หรือสีขาว ออกดอกตลอดปี
ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและการชำกิ่ง



ขอบคุณข้อมูลจาก www.tourdoi.com

ดอกพวงคราม


ดอกพวงคราม
เป็นไม้เถา กิ่งก้านเรียวเล็ก ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวออกตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ มีสัณฐานรี กว้างประมาณ 3-7 เซนติเมตร ยาวประมาณ 6-18 เซนติเมตร ปลายแหลมโคนสอบแคบ ขอบใบเรียบ
ดอกออกเป็นช่อ ห้อยย้อยตามง่ามใบ สีม่วง หรือ สีม่วงคราม โคนกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็น 5 แฉก เกสรตัวผู้มี 4 อัน ออกดอกใบฤดูหนาวและแห้งโดยจะทิ้งใบหมด ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำกิ่งหรือการตอน



ขอบคุณข้อมูลจาก www.tourdoi.com

ดอกปันหยี


ดอกปันหยี
เป็นไม้เถา เถากลมเกลี้ยงเป็นมัน ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ขนาดกว้างประมาณ 5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร รูปทรงป้อมปลายแหลม โคนป้าน ขอบใบเรียบ สีเขียวเข้มเป็นมัน ด้านล่างสีอ่อน ก้านใบสั้น ดอกออกเป็นช่อเล็ก ๆ ช่อละ 2-3 ดอก สีขาว ออกตามง่ามใบ มีกลีบเลี้ยงเป็นเส้น ๆ สีเขียวอ่อน โคนดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดเล็ก ๆ ส่วนปลายดอกเป็นกลีบ แยกออกเป็น 8-9 กลีบ เรียงซ้อนกัน ดอกเมื่อบานเต็มที่กว้างประมาณ 7 เซนติเมตร ออกดอกประมาณเดือนมกราคม ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำหรือการตอน

ขอบคุณข้อมูลจาก www.tourdoi.com

ดอกโนรา


ดอกโนรา

เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง รอเลื้อย. ถ้าปลูกกลางแจ้งอาจจะเป็นไม้พุ่ม ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวออกเป็นคู่ ตรงข้ามกัน สีเขียวเข้ม ดอกออกเป็นช่อ ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร สีขาว หรือสีชมพูอ่อน กลีบบนเป็นสีเหลืองมะนาว กลิ่นหอม ดอกจะบานอยู่ ประมาณ 3 วันก็ร่วง แต่จะมีดอกใหม่ทะยอยกันบานตามลำดับ ผลเป็นปึกประกบกันเป็น 3 มุม สีน้ำตาล ออกดอก ประมาณเดือนธันวาคม ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ปักชำหรือตอนกิ่ง


ขอบคุณข้อมูลจาก www.tourdoi.com

ดอกชมนาค


ดอกชมนาค
เป็นไม้เถาเลื้อย เถาแข็งใบใหญ่ ผิวใบเป็นมันเรียบ ปลายใบแหลม ใบสีเขียวแก่ ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ออกดอกตามกิ่งข้างหรือปลายเป็นช่อ ช่อหนึ่งมีประมาณ 12 ดอก ดอกสีขาวอมเขียวมีกลิ่นหอม ดอกมีกลีบติดกันเป็นถ้วยตื้น ๆ ปลายแยกจากกันเป็นแฉกตื้น ๆ เกสรตัวผู้มี 5 อันติดกัน กลางดอกเป็นรูปศร ดอกโตประมาณ 1 เซนติเมตร ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำกิ่งหรือการตอน




ขอบคุณข้อมูลจาก www.tourdoi.com

ดอกคิ้วนาง


ดอกคิ้วนาง
เป็นไม้เถามีมือเกาะกิ่งอ่อน มีขนสีน้ำตาล ใบเว้าผ่ากลางเป็น 2 ซีก คล้าบใบย่อย 2 ใบ ใบมีสัณฐานเป็นรูปไข่เบี้ยว ปลายกลม ดอกมีขนาดใหญ่สีขาว เมื่อดอกบานเต็มที่จะกว้างประมาณ 15 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ดอกออกดกมากและจะทะยอยกันบานวันละ 1-3 ดอก ดอกมี 5 กลีบ ร่วงง่าย เกสรตัวผู้มี 10 อัน ยาวประมาณ 7 เซนติเมตร ชูอับเรณูขึ้นเหนือกลีบดอกเห็นได้ชัด ฝักยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ออกดอกประมาณเดือนสิงหาคม-มกราคม ชอบขึ้นตามป่าผลัดใบ และป่าโปร่งบนภูเขาหินปูนในภาคกลาง และภาคตะวันออก ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และการตอนกิ่ง

ขอบคุณข้อมูลจาก www.tourdoi.com

ดอกการเวก


ดอกการเวก
เป็นไม้เถาเนื้อแข็งขนาดใหญ่ กิ่งก้านค่อนข้างเรียบ มีขนมากเฉพาะที่ตาและยอดอ่อน ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวเรียงสลับกัน สัณฐานของใบเป็นรูปรีหรือรูปขอบขนาน ปลายและโคนใบแหลม ขอบใบเรียบ ออกดอกเป็นช่อๆ ละ 1-5 ดอก ก้านช่อดอกแบนและโค้งคล้ายขอ ออกตรงข้ามกับด้านใบ ดอกมีขนาดใหญ่สีเขียวมีขนมาก เมื่อดอกแก่จะเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอม กลีบเลี้ยงมี 3 กลีบ มีสัณฐานเป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดเล็กสีเขียว ปลายกลีบกระดกขึ้น กลีบดอกเป็นรูปไข่รียาว เรียงเป็น 2 ชั้น ๆ ละ 3 กลีบ มีเกสรตัวผู้จำนวนมาก เกสรตัวเมียหลายอันอยู่แยกกัน ผลรูปรีป้อมหรือรูปไข่กลับ ออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4-20 ผล เมื่อผลแก่จะเป็นสีเหลือง ออกดอกตลอดปี ขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่งหรือเพาะเมล็ด

ขอบคุณข้อมูลจาก www.tourdoi.com

ดอกกุหลาบ


ดอกกุหลาบ

เป็นไม้พุ่มตั้งหรือเลื้อย ใบเป็นใบประกอบ ประกอบด้วย 3 ใบ หรือ 5 ใบ ขอบใบจัก หูใบติดกับก้านใบหรือเป็นอิสระ
ดอกออกที่ปลายกิ่ง มีทั้งดอกเดี่ยวหรือเป็นช่อ กลีบรองดอกเป็นรูปถ้วยสีเขียว ปลายแยกเป็น 5 แฉก กลีบดอกปกติมี 5 กลีบ เกสรตัวเมียอยู่กลางดอกเป็นผลกลม ภายในมีเมล็ดแข็งจำนวนมาก เกสรตัวผู้มีอยู่เป็นจำนวนมาก กุหลาบมีหลายชนิด หลายพันธุ์ ส่วนใหญ่ดอกมีกลิ่นหอมเย็น การขยายพันธุ์มีหลายแบบ เช่น เพาะเมล็ด ตอน ติดตา และปักชำ

ขอบคุณข้อมูลจาก www.tourdoi.com

ดอกกาหลง


ดอกกาหลง

เป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 3 เมตร ใบเป็นแบบใบเดี่ยว รูปไข่ ปลายเว้าลึกคล้ายใบแฝด
ดอกขาวออกเป็นช่อที่ปลายกิ่งและกิ่งข้าง ดอกกาหลงมีกลีบ 5 กลีบ เกสร 10 อัน ขนาดต่าง ๆ กัน มีกลิ่นหอมรวยริน ฝักแบนมีเมล็ดประมาณ 5-10 เมล็ด ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและการตอน กาหลงออกดอกได้ตลอดปี



ขอบคุณข้อมูลจาก www.tourdoi.com

ดอกกระดุมทอง


ดอกกระดุมทอง
เป็นไม้ล้มลุกพุ่มเตี้ย สูงประมาณ 50 เซนติเมตร ลำต้นมีขนทึบใบเดี่ยว เรียงตรงกันข้าม สัณฐานใบเป็นรูปไข่ หรือรูปรีกว้าง ใบกว้างประมาณ 3 เซนติเมตร ยาวประมาณ 7 เซนติเมตร ปลายแหลมโคนสอบ ขอบเรียบหรือหยักซี่ฟัน ผิวใบมีขนสากทั้ง 2 ด้าน เส้นแขนงใบข้างละ 1 เส้น ก้านใบสั้นมีครีบ มีขนตามก้านใบและขอบครีบ ช่อดอกแบบช่อกระจุก ออกดอกเดี่ยว ๆ หรือออกเป็นคู่ ตามง่ามใบใกล้ยอดดอกโตประมาณ 3 เซนติเมตร ก้านดอกยาว 1-8 เซนติเมตร โคนช่อมีใบประดับมีขนเรียงกันถี่ โคนใบประกอบชั้นนอกใหญ่ขึ้นเมื่อดอกร่วงไป ดอกวงนอกเป็นดอกตัวเมีย มีประมาณ 10 ดอก กลีบดอกสีเหลืองรูปรี กว้างประมาณ 3 เซนติเมตร ยาวประมาณ 7 เซนติเมตร รังไข่เล็ก ดอกวงในเหมือนดอกตัวเมีย แต่รังไข่ไม่สมบูรณ์ ดอกตัวผู้มีขนาดเล็กมากและเป็นหมัน อยู่กลางกระจุกดอก ผลมีสัณฐานเป็นรูปสามเหลี่ยม ยอดแบน เมล็ดเล็กสีดำเป็นมัน ยาวประมาณ 3 เซนติเมตร ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

ขอบคุณข้อมูลจาก www.tourdoi.com

ดอกกระดังงาสงขลา


ดอกกระดังงาสงขลา
เป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 2 เมตร ใบเป็นชนิดใบเดี่ยวยาว กลีบรองดอกมีสามกลีบ สีเขียว มีขนาดสั้น กลีบใบเรียวสองชั้น ชั้นนอกมี 5 กลีบ ชั้นในมี 15 กลีบ ปลายกลีบเรียวแหลมโคนกลีบด้านในมีแต้มสีน้ำตาล ที่ฐานกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียติดอยู่
กระดังงา ออกดอกตลอดปี มีกลิ่นหอมอบอวล ขยายพันธุ์ด้วยการตอน




ขอบคุณข้อมูลจาก www.tourdoi.com

ดอกกรรณิการ์


ดอกกรรณิการ์
เป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 2 เมตร ลำต้นและกิ่งเป็นเหลี่ยม ใบเป็นชนิดใบเดี่ยวออกเป็นคู่ เรียงตรงข้าม ใบทรงรูปไข่ ขอบใบเรียบหรือมีจักเล็กน้อย
ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง เป็นดอกเดี่ยวมีโคนกลีบติดกัน มีลักษณะเป็นหลอดสีส้ม กลีบดอกแคบ ปลายกลีบสีขาวและไม่เสมอกัน จะมีกลิ่นหอมตอนกลางคืน และดอกจะร่วงหมดในตอนเช้า ผลมีลักษณะเป็นแผ่นแบน ภายในมีเมล็ดอยู่ 2 เมล็ด ขยายพันธุ์โดยการตอนหรือปักชำ

ขอบคุณข้อมูลจาก www.tourdoi.com

ดอกบัว


ดอกบัว
บัวหลวง หรือดอกบัวที่ใช้จัดแจกันบูชาพระ มีดอกและใบชูขึ้นเหนือน้ำ ใบสีเขียวนวลค่อนข้างกลม ขอบใบเรียบ ผิวด้านบนมีขนอ่อนๆ และนวล ดอกมี 4 สี ได้แก่ สีขาว สีแดง สีชมพู และสีเหลือง ติดผลเป็นฝัก การขยายพันธุ์ บัวหลวงมีไหล ชอนไชไปตามหน้าดิน ต้นใหญ่จะเกิดมาจากไหลเหล่านั้น ปลูกต้นเดียวถ้าไม่ตายในหนึ่งปีขายออกไปได้เยอะจนกระทั่งเต็มบึง
บัวสาย เป็นบัวที่อยู่ตามหนองบึงที่มีระดับน้ำลึก เป็นบัวที่ชาวบ้านมักนิยมเก็บก้านดอกมาทำอาหาร หรือที่เรียกว่า สายบัว แม้ปัจจุบันนี้ยังนิยมนำมาปรุงอาหารเช่น แกงเลียงสายบัว บัวสายมีใบที่ใหญ่ ขอบใบหยัก มีดอกสีบานเย็น สีขาว และสีชมพู ดอกมีกลิ่นหอมอ่อน การขยายพันธุ์ บัวสายมีเหง้าอยู่ใต้ดิน เมื่อต้นเก่าโทรมไปเมื่อน้ำแห้ง ครั้นถึงฤดูน้ำท่วมหัวเหล่านั้นก็จะแตกต้นอ่อนขึ้นมาใหม่ และอีกแบบคือการเพาะเมล็ด
บัวผัน บัวเผื่อน เป็นบัวพื้นเมืองที่ขึ้นอยู่ตามทุ่งนา ตามหนองน้ำ และน้ำคูน้ำริมถนนที่พบเห็นได้ทั่วไปเมื่อเดินทางออกไปตามชนบทที่มีน้ำท่วมขัง ดอกบานตอนเช้าและหุบในตอนเย็น ใบรูปไข่จนถึงกลม ดอกมีหลายกลีบ มีกลิ่มหอม การขยายพันธุ์ใช้วีธีการเพาะเมล็ด
บัวลูกผสมกลุ่มบัวผัน บัวผันมีดอกเล็กและมีกลีบดอกน้อย ปัจจุบันได้มีการผสมพันธุ์ผัวบันเกิดเป็นบัวลูกผสมที่กลีบดอกซ้อนสีสันสวยงาม และเป็นที่นิยมปลูกประดับกันทั่วไป บัวประดับที่พบเห็นส่วนใหญ่ล้วนเป็นบัวลูกผสมของกลุ่มบัวผันเกือบทั้งหมด สำหรับชื่อของพันธุ์ลูกผสมนั้นมีชื่อเรียกกันมากมายแล้วแต่ผู้คิดค้นพันธุ์จะตั้งชื่อ ตั้งชื่อตามเจ้าของบ้าง ตั้งชื่อใหม่ตามจินตนาการบ้าง จดจำกันไม่หวัดไม่ไหว ขายยพันธุ์โด

ขอบคุณข้อมูลจาก www.tourdoi.com

ดอกเทียนนกแก้ว


เทียนนกแก้ว
ดอกไม้แปลกตาเป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่นของไทย หาไม่ได้จากที่ใดๆ ในโลก จัดอยู่ในกลุ่มของต้นเทียน มีรูปทรงดอกที่สวยงามเหมือนดั่งนกที่โดนแมวกัดไปครึ่งตัว เราเรียกชื่อตามลักษณะรูปทรงว่า เทียนนกแก้ว จัดอยู่ในกลุ่มพืชล้มลุก ลำต้นอวบน้ำ สูง 0.5-1.5 เมตร ใบเดี่ยวรูปไข่กว้าง โคนใบมน ปลายใบแหลม ขอบใบจัก ขนาดกว้าง 2-4 ซม. ยาว 5-10 ซม. ลักษณะดอกเหมือนดังที่เห็นในภาพ ออกเดี่ยวตามก้านใบ หรือปลายยอด ขนาดดอกกว้าง 2-3 ซม. ยาวประมาณ 5-7 ซม. ช่วงเวลาออกดอก ต.ค. - พ.ย. ประโยชน์คือ สวย ชมแล้วชื่นใจ
เทียนนกแก้ว เป็นพรรณไม้บนเขาสูงไม่สามารถหาชมได้จากแปลงดอกไม้ตามพื้นราบทั่วไป ระดับความสูงที่พบต้นเทียนนกแก้วคือ 1,500 -1,800 เมตร และพบได้เพียงที่เดียวคือที่ดอยหลวงเชียงดาว ดอกจะบานราวเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน


ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.tourdoi.com/